
5. เขียนแคปชั่นให้ปัง
แม้ว่าสิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจได้ดีที่สุดสำหรับ Instagram คือรูปภาพ แต่เราก็ไม่ควรมองข้ามการใส่ข้อความหรือแคปชั่นโดนๆ เข้าไปด้วย เพื่อเพิ่มพลังให้กับคอนเทนต์
การเขียนแคปชั่นที่ดีต้องเขียนให้สั้น กระชับ และมี Key message สำคัญที่ต้องการจะสื่อสาร หากคอนเทนต์ที่จะโพสต์มีข้อมูลเยอะ หรือมี Story ที่ยาว การเขียนแคปชั่น 2 บรรทัดแรกควรเขียนเกริ่นหัวเรื่องให้น่าสนใจ เพื่อดึงดูดให้คนคลิกเพื่ออ่านต่อ
6. เลือกใช้ Hashtag ให้เหมาะสม
สำหรับ Instagram การใช้ Hashtag ถือเป็นอีกเทคนิคที่ช่วยให้โพสต์ของเราเข้าถึงคนได้มากยิ่งขึ้น ตัวอย่างการใช้ Hashtag
- มีความเกี่ยวข้องกับโพสต์ เราอาจสร้างคอนเทนต์ที่กำลังเป็นเทรนด์แล้วใช้ Hashtag เพื่อเกาะกระแส สร้างโอกาสให้คนเห็นโพสต์ของเรามากยิ่งขึ้นได้
- ใช้สำหรับแบรนด์ตัวเองเท่านั้น วิธีนี้เราจะเห็นได้จากแบรนด์ต่างๆ ที่กำลังทำ Campaign หรือมี Event บางอย่างอยู่เช่น การจัด Event #commartthailand #อยากได้คอมใหม่ต้องไปคอมมาร์ต
7. เลือกโพสต์ในเวลาที่เหมาะสม
รู้หรือไม่ เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการโพสต์คอนเทนต์บน IG ของธุรกิจแต่ละประเภทไม่เหมือนกัน
Hootsuite ได้ทำการสำรวจ และวิเคราะห์โพสต์ทั้งหมด 258,956 โพสต์ จาก 11 ประเภทธุรกิจ พบว่า นี่คือช่วงที่สุดสำหรับการโพสต์คอนเทนต์ของแต่ละธุรกิจ
- ธุรกิจทัวร์ และท่องเที่ยว : วันศุกร์ เวลา 9.00 น. ถึง 13.00 น.
- สื่อ และความบันเทิง : วันอังคาร และพฤหัสบดี เวลา 12.00 น. ถึง 15.00 น.
- อาหาร และเครื่องดื่ม : วันศุกร์ เวลา 12.00 น.
- ธุรกิจขายปลีก : วันอังคาร พฤหัสบดี และศุกร์ เวลา 12.00 น.
- ธุรกิจบริการ : วันอังคาร พุธ และศุกร์ เวลา 9.00 น. และ 10.00 น.
- ไม่แสวงหาผลกำไร : วันอังคาร เวลา 10.00 น. และ 16.00 น.
- ธุรกิจขายส่งแบบ e-Commerce : วันพฤหัสบดี เวลา 16.00 น. และ 21.00 น.
- ยา และสุขภาพ : วันพุธ และอาทิตย์ เวลา 9.00 น.
- ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวกาย : วันพฤหัสบดี และศุกร์ เวลา 13.00 น. ถึง 15.00 น.
- เทคโนโลยี : วันจันทร์ และอังคาร เวลา 14.00 น.
- การศึกษา : วันพฤหัสบดี เวลา 16.00 น. – 17.00 น.
8. Instagram Stories & Highlight Stories
อีก 2 เทคนิค ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากบน Instagram โดย 50% ของธุรกิจที่อยู่บน IG ใช้ Stories ในการโปรโมทธุรกิจ
Instagram Stories
สำหรับ Instagram Stories ที่มีระยะเวลาแสดงเพียง 24 ชั่วโมง ทำให้เนื้อหาค่อนข้างน่าสนใจดูสดใหม่อยู่ตลอดเวลา หลายธุรกิจมักจะใช้เทคนิคในการโปรโมทดังนี้
- การเล่าเรื่อง : เป็นการโพสต์เรื่องราวต่างๆ ของธุรกิจในแต่ละวัน ตัวอย่างเช่น สินค้าเครื่องทำกาแฟ ก็อาจเป็นสาธิตการใช้งานเครื่อง สอนทำกาแฟในตอนเช้า
- สร้างการโต้ตอบ : เป็นการใช้ฟีเจอร์ของ Stories แบบสำรวจ หรือ การตอบคำถาม ตัวอย่างเช่น คุณอยากให้สินค้าชิ้นไหน ลดราคาในเดือนหน้า? A หรือ B
- สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า : เป็นการสื่อสารถึงกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะเช่น การแชร์ภาพรีวิว หรือคอมเม้นต์จากลูกค้าลงใน Stories พร้อม Caption ในภาพเพื่อแสดงคำขอบคุณ
Highlight Stories
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ธุรกิจนำมาประยุกต์ใช้กับแบรนด์ได้ และสร้างความน่าสนใจให้กับโปรไฟล์ธุรกิจเป็นอย่างมาก
ฟีเจอร์ Highlight Stories นั้นช่วยให้เราสามารถสร้างอัลบั้มของ Stories ขึ้นมาได้ เหมือนเป็นการนำ Instagram Stories ที่เด่นๆ มาแสดงไว้บนหน้าโปรไฟล์ และทำให้มันไม่หายไปหลังครบ 24 ชั่วโมงแล้ว
นอกจากนี้เรายังสามารถทำปกอัลบั้มของ Highlight Stories ได้อีกด้วย ทำให้หลายแบรนด์นำมาประยุกต์ใช้โดยการทำปกอัลบั้มขึ้นมาเพื่อแบ่งเนื้อหาของ Stories ให้คนที่เข้ามาดูโปรไฟล์สามารถเลือกดูได้ตามต้องการ
9. ขยายการเข้าถึงด้วย Instagram ads
หากคุณต้องการให้แบรนด์สามารถเข้าถึงลูกค้าให้มาก และเร็วที่สุด แน่นอนคงหนีไม่พ้นการลงโฆษณาบน Instagram
การลงโฆษณาบน IG คุณสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับความต้องการของคุณได้ ผมขอยกตัวอย่างธุรกิจเป็น ขายเสื้อโค้ช เสื้อกันหนาว
- ข้อมูลประชากร – กลุ่มคนแบบไหนที่เหมาะกับสินค้าของคุณ เพศ อายุ ภาษาที่ใช้
- ความสนใจ – คนที่เหมาะกับสินค้าของคุณต้องมีความสนใจแบบไหน ชอบท่องเที่ยว ชอบถ่ายภาพ หรือช้อปปิ้ง
- พฤติกรรม – Facebook และ Instagram สามารถศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้งานแต่ละคนได้ ทำให้เราสามารถกำหนดได้ว่ากลุ่มเป้าหมายที่เราโปรโมท มีประวัติไปเที่ยวต่างประเทศบ่อย หรือพึ่งกลับมาจากต่างประเทศ ภายในระยะเวลาเท่าไหร่ 1 หรือ 2 สัปดาห์
- สถานที่ หรือที่อยู่อาศัย – หากร้านขายเสื้อโค้ชมีหน้าร้านอยู่ด้วย เราก็สามารถโปรโมทให้คนที่อยู่ในรัศมี 1-5 กิโลเมตร เห็นโพสต์ของเราได้ เพิ่มโอกาสให้คนเข้ามาที่ร้านของเรา
นอกจากนี้เรายังสามารถเลือกโปรโมทไปหาคนที่มีความชอบคล้ายกับคนที่ติดตามเราได้อีกด้วย